โรคไฟโบรมัยอัลเจียเป็นโรคที่ยังไม่เป็นที่รู้จักกันมากนัก แม้แต่แพทย์เอง แทบทุกประเทศในโลกยอมรับว่าโรคนี้ยังไม่เป็นที่รู้จักและเข้าใจ อาการของโรคไฟโบรมัยอัลเจีย คือ เจ็บปวดกล้ามเนื้อทั่วร่างกาย ทำให้ผู้ป่วยทรมาน และเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลา เหนื่อยง่าย เมื่อยเนื้อเมื่อยตัว ปวดศรีษะ กล้ามเนื้อแข็งเกร็ง อารมณ์แปรปรวน นอนไม่หลับ โดยอาการปวดอาจจะเริ่มปวดแค่จุดเดียวก่อน แต่พอนานวันเข้าจุดปวดก็จะกระจายออกไปเรื่อยๆ ทั่วร่างกาย จะต่างจากคนปกติที่จะปวดกระจุดตัวอยู่จุดเดียว เช่น หากกระแทกบริเวณเข่าก็จะปวดเข่า หกล้มเอาข้อศอกลงก็จะเจ็บข้อศอก แต่ผู้ป่วยไฟโบรมัยอัลเจีย จะปวดหลายจุด ปวดลักษณะกระจาย และระยะเวลาที่ปวดต้องเรื้อรัง คือมากกว่า 3 เดือนขึ้นไป ทั้งนี้ อาการเริ่มแรกอาจจะปวดไม่มาก และเริ่มจากเฉพาะจุด เช่น ปวดศรีษะ หลายคนก็คิดว่าเป็นไมเกรน ก็จะพบแพทย์เพื่อรักษาอาการไมเกรน และไม่หาย หรืออาจจะปวดกล้ามเนื้อ ก็เข้าใจว่าเป็นเพราะกล้ามเนื้ออักเสบหรือกล้ามเนื้อล้าจากการทำงาน ก็ไปบำบัดด้วยการสปา หรือนวด ทำให้โรคไม่ได้รับการวินิจฉัย และรักษาอย่างถูกต้อง
สาเหตุ
โรคไฟโบรมัยอัลเจียพบมากในผู้หญิงที่อายุราว 30-40 ปีขึ้นไป ส่วนสาเหตุของการเกิดโรคขณะนี้ยังชี้ชัดไม่ได้ แต่แพทย์ส่วนใหญ่พุ่งความสนใจไปยังประเด็นของเซลล์สมองที่รับรู้ด้านความ เจ็บปวดของผู้ป่วยว่าน่าจะมีการทำงานที่มากกว่าปกติ ในขณะที่เซลล์สมองส่วนผ่อนคลายความเจ็บปวดกลับไม่ทำงานหรือทำงานน้อยกว่าปกติ นอกจากนี้ยังเชื่อว่านาจะมีแนวโน้มการส่งต่อโรคผ่านพันธุกรรมด้วย และอีกสาเหตุหนึ่งที่พบในคนไข้หลายราย คือ เป็นโรคนี้หลังการประสบอุบัติเหตุหรือหลังจากได้รับบาดเจ็บที่เกิดการกระแทก กระทบกระเทือนหนักๆ แก่ร่างกาย
การตรวจวินิจฉัย และการรักษา
ในทางการแพทย์จะมีจุดปวดทั่วร่างกายอยู่ 18 จุด ถ้าป่วยด้วยโรคนี้จะมีอาการปวดที่จุดปวดพร้อมๆ กันประมาณ 11 จุด วิธีการตรวจก็คือ แพทย์ต้องกด แรงกดอยู่ที่ประมาณ 4 กิโลกรัม ถ้ากดแล้วเจ็บมากกว่า หรือเท่ากับ 11 จุด แสดงว่าเป็นโรคไฟโบรมัยอัลเจีย ส่วนระดับความเจ็บปวดจะสังเกตได้ว่าผู้ป่วยโรคนี้จะเจ็บมากผิดปกติ กดแค่เบาๆ จะเจ็บมาก ถึงขั้นสะดุ้ง หรือร้อง โดยปกติการตรวจวินิจฉัยว่าเป็นโรคนี้แน่หรือไม่ ต้องใช้เวลาประมาณ 3-6 เดือน จากนั้นก็จะนำไปสู่การรักษา ซึ่งหากรักษาถูกวิธีอาการก็จะดีขึ้นภายใน 3 ปี โดยการให้ยา ที่ออกฤทธิ์ในส่วนของเซลล์สมอง เพื่อแก้ปัญหาเซลล์สมองรับความเจ็บปวดทำงานมากเกินปกติ ควบคู่ไปกับยากลุ่มลดอาการซึมเศร้าและลดอารมณ์แปรปรวน นอกจากนี้การออกกำลังควบคู่ไปกับการรักษาด้วยยา ก็เป็นสิ่งที่ผู้ป่วยโรคนี้ต้องทำ เพื่อสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและลดอาการปวดได้