ไวรัสโคโรนาประกอบด้วยไวรัสในครอบครัวขนาดใหญ่ ซึ่งบางส่วนทําให้เกิดความเจ็บป่วยทางเดินหายใจในมนุษย์ตั้งแต่โรคหวัดทั่วไปไปจนถึงสภาพที่รุนแรงมากขึ้น เช่น กลุ่มอาการทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (SARS) และกลุ่มอาการทางเดินหายใจตะวันออกกลาง (MERS)¹

พวกมันได้รับการตั้งชื่อจากข้อเท็จจริงภายใต้การตรวจสอบด้วยกล้องจุลทรรศน์ที่ว่า อิเล็กตรอนแต่ละไวริออน (virion) จะถูกล้อมรอบด้วย “โคโรนา” หรือรัศมี จากการปรากฏตัวของโปรตีนแหลมที่เล็ดลอดออกมาจากภายนอกของไวรัส²

'ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่' เป็นไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่ไม่สามารถระบุได้ก่อนหน้านี้ ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่เกี่ยวข้องกับการระบาดที่เริ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2563 ได้รับการตั้งชื่อว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์กลุ่มอาการทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง ²  (SARS-CoV-2) ³

โรคที่เกิดได้รับการตั้งชื่อว่า “โรคโคโรนาไวรัส 2019” หรือ “โควิด-19” ³

โควิด-19 สามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนมักจะผ่านการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อหรือผ่านละอองเสมหะทางเดินหายใจที่กระจายตัวไปในอากาศ เมื่อผู้ติดเชื้อไอ จาม พูดคุย หรือร้องเพลง⁴

ละอองเสมหะสามารถแพร่กระจายทางปากหรือจมูกของคนที่อยู่ใกล้ๆ การแพร่กระจายมีแนวโน้มมากขึ้น เมื่ออยู่ในระยะ 6 ฟุต⁴

ไวรัสบางสายพันธุ์อาจแพร่กระจายได้เร็วขึ้น และทําให้เกิดการติดเชื้อมากกว่าไวรัสรูปแบบก่อนหน้านี้ที่ทําให้เกิด COVID-19.^{4​​​​​​​}

ณ วันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564  มีรายงานผู้ป่วย COVID-19 ในดินแดนต่างๆ กว่า 225 ประเทศ ประมาณ 251 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 5 ล้านคน นับตั้งแต่จีนรายงานผู้ป่วยรายแรกต่อองค์การอนามัยโลก (WHO) ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2562⁵

ผู้ที่ติดเชื้อ COVID-19 อาจมีอาการตั้งแต่อาการไม่รุนแรง ไปจนถึงการเจ็บป่วยที่รุนแรง อาการอาจปรากฏขึ้น 2-14 วันหลังจากสัมผัสกับไวรัส⁶​​​​​​​

บางคนอาจไม่มีอาการ แต่สําหรับผู้ที่มีอาการอาการที่พบบ่อยที่สุดของ COVID-19 ได้แก่ ^{6​​​​​​​}

• มีไข้หรือหนาวสั่น

• ไอ

• หายใจลำบากหรือหายใจลำบาก

• ความเหนื่อยล้า

• ปวดกล้ามเนื้อหรือร่างกาย

• ปวดศีรษะ

• การสูญเสียรสชาติหรือกลิ่นใหม่

• เจ็บคอ

• คัดจมูกหรือน้ำมูกไหล

• คลื่นไส้หรืออาเจียน

• ท้องเสีย

รายการนี้ไม่รวมอาการที่เป็นไปได้ทั้งหมด

วิธีที่ดีที่สุดในการปกป้องผู้อื่นและตัวคุณเอง คือ การฉีดวัคซีนอย่างเต็มที่และรักษาระยะห่างทางสังคมและรักษาสุขอนามัยที่ดี⁷

เนื่องจากผู้ติดเชื้อบางรายอาจยังไม่แสดงอาการหรืออาการของพวกเขาอาจไม่รุนแรง การรักษาระยะห่างทางกายภาพ (2 เมตรหรือ 6 ฟุต) กับผู้ที่อยู่นอกบ้านของคุณเป็นสิ่งที่ดี⁷

การช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19:⁷​​​​​​​

• ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำ เป็นเวลาอย่างน้อย 20 วินาทีโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่คุณอยู่ในที่สาธารณะหรือหลังจากไอหรือจาม

• ปิดปากและจมูกด้วยหน้ากากหรือผ้าปิดหน้าตลอดเวลา เมื่ออยู่รวมกับผู้อื่น

• ปิดปากเวลาไอและจามด้วยกระดาษทิชชู หรือใช้ด้านในของข้อศอก

• ทําความสะอาดและฆ่าเชื้อพื้นผิวที่สัมผัสบ่อยๆ ทุกวัน ซึ่งรวมถึงโต๊ะ ลูกบิดประตู สวิทช์ไฟ เคาน์เตอร์ ที่จับ โต๊ะทํางาน โทรศัพท์ แป้นพิมพ์ ห้องน้ำ ก๊อกน้ำ และอ่างล้างจาน

• ตรวจสุขภาพของคุณทุกวัน และปฏิบัติตามคําแนะนําของ กรมควบคุมโรค หากมีอาการเพิ่มมากขึ้น

หากคุณมีไข้ไอหรืออาการอื่นๆ คุณอาจได้รับเชื้อ COVID-19

คนส่วนใหญ่มีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย และสามารถพักรักษาตัวได้ที่บ้าน หากคุณคิดว่าคุณอาจได้รับเชื้อไวรัส COVID-19 โปรดติดต่อผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพของคุณ

หากคุณป่วยให้ติดตามอาการของคุณ หากคุณมีสัญญาณเตือนฉุกเฉิน (รวมถึงปัญหาการหายใจ) ให้ไปรับการรักษาพยาบาลฉุกเฉินทันที⁸